top of page
ค้นหา

Leica M240 รีวิว

  • รูปภาพนักเขียน: แอดโบก
    แอดโบก
  • 26 ม.ค. 2562
  • ยาว 2 นาที

Leica M240 (My panda version Hahaha)

ถ้าพูดถึงโลกของกล้องถ่ายรูปตั้งแต่สมัยคุณปู่จนถึงสมัยปัจจุบันนั้น บรรดาช่างภาพหรือคนที่หลงไหลในการถ่ายถาพ คงไม่มีใครไม่รู้จักกล้องยี่ห้อ Leica อันโด่งดัง ตั้งแต่สมัยกล้องฟิล์มถึงกล้องดิจตอลในปัจจุบัน ที่ยังคงเป็นเบอร์ 1 ของกล้องถ่ายภาพ ที่บรรดาช่างภาพใฝ่ฝันที่อยากจะได้มาครอบครองอย่างปฏิเสธไม่ได้


ด้วยภาพลักษณ์ของตัวกล้องที่มีรูปทรงคลาสสิคที่ไม่เหมือนใคร และคุณภาพของเลนส์ที่ยอมรับกันมายาวนาน ทำให้แบรนด์นี้ได้รับการยอมรับจากช่างภาพทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย


และที่แน่นอนที่สุดสำหรับนักถ่ายภาพรุ่นใหม่ไฟแรงในปัจจุบัน ที่ใฝ่ฝันอยากจะครอบครองกล้อง leica สักหนึ่งตัวแต่ยังไม่มีโอกาศได้สัมผัสหรือทดลอง อันเนื่องจากราคาหรือโอกาศลอง

วันนี้แอดโบกมีกล้อง1รุ่นมา แนะนำให้ได้รู้จักกันจากประสบการณ์ใช้งานจริง


เริ่มด้วย Spec ก่อนละกัน

Leica M240 (Alivable on 2012-02-15)

มี 2 สี คือ 1. Silver chrome 2. Black paint

Camera type Digital range finder camera

Sensor CMOS Full frame 23.7 MP

Continue shoot 3 fps

Focus Manual focus in OVF , Live view LCD display (Focus peaking)

ISO 200 - 6400

Speed shutter 60 - 1/4000 sec

Weight 680 g

Video 1080/24p


จากสเปคหลักๆจะเห็นได้ว่าอาจจะเห็นว่าเทคโนโลยียังไม่ได้ดีกว่าค่ายอื่นๆในปัจจุบันเท่าไหร่

แต่ถ้านับว่าสเปคนี้ในปี 2012 นั้นถือค่อนข้างสูงในปีนั้นแล้ว ซึ่งสเปคเท่านี้ถือว่าเหลือเฟือสำหรับการถ่ายรูปทั่วไปแล้ว


ที่สำคัญมากๆคือ Leica series M นั้นเป็นกล้อง Manual Focus เท่านั้น ไม่ใช่ว่า Leica ทำไม่ได้นะแต่เค้าไม่ทำเพื่อรักษาเอกลักษณ์ของ range finder ไว้ (ยี่ห้อนี้เค้าเน้น feeling หุหุ)


การใช้งาน

ขอเกริ่นก่อนนะ Range finder คืออะไร ??

สำหรับคนที่เคยใช้กล้อง SLR หรือ DSLR มาก่อนอาจจะสงสัยว่ากล้อง range finder คืออะไร

วันนี้แอดโบกจะมาแถลงไขให้ฟังให้เห็นภาพสั้นๆง่ายๆ


SLR = มองภาพที่จะถ่ายผ่านเลนส์ ผ่านกระจกสะท้อนเข้าไปยังที่ดวงตา

Range finder = มองภาพที่จะถ่ายโดยไม่ผ่านเลนส์ โดยช่องมองจะอยู่ด้านข้างของกล้อง


โดยวีธีใช้งาน เราจะมองผ่านช่องมองด้านข้างและจะพบกับ Fram line = เส้นที่บ่งบอกว่าภาพที่เราถ่ายออกมาจะอยู่ในกรอบที่แสดง โดยจะขึ้นอยู่กับเลนส์ระยะนั้นๆที่เราใช้


Frame Line 50 mm. Frame Line 35 mm.

วิธีการโฟกัสแบบที่ 1


ในช่องมองเราจะพบช่องสี่เหลี่ยมสว่างๆอยู่ตรงกลางช่องมอง ไม่ใช่ fram line นะ

(เจ้าสี่เหลี่ยมนี่แหละคือความสนุกของ range finder )

ภาพในช่องสี่เหลี่ยมนี้นั้นจะเปลี่ยนเคลื่อนไปมาในขณะที่เราหมุนแหวนโฟกัสที่เลนส์

ซึ่งวิธีการจะโฟกัสให้ชัด เราจะต้องหมุนโฟกัสให้ภาพในช่องสี่เหลี่ยมนี้ ซ้อนทับกับภาพที่เราเห็นพอดี ก็จะเป็นการโฟกัสได้สำเร็จ (น่าสนุกปะล่ะคุณ)


หมุนแหวนโฟกัสที่เลนส์ ภาพจะเลื่อนไปมา ทางซ้าย และ ทางขวา ก็หมุนให้พอดี แล้วกดเล๊ยยย!!


ซึ่งวิธีนี้ใช้กันมาตั้งแต่สมัยเป็นกล้องฟิล์มเกือบร้อยปีมาแล้ว Classic สุดๆ


การโฟกัสแบบที่ 2

การโฟกัสผ่าน live view ของกล้อง เราสามารถโฟกัสผ่านจอ display ของกล้องได้โดยใช้เจ้า Focus peaking (สีแดงๆในรูปที่ 3 ) มาช่วยบอกจุดคมชัด และยังมีโหมดที่ช่วยซูมเข้าไปดูจุดที่เราโฟกัสว่า โฟกัสเข้าเป้าหรือยังอีกด้วย

ถนัดแบบไหนก็จัดตามสะดวกเลย (แบบที่ 1 ไวกว่ามากบอกเลย!!)


ปุ่มบนกล้อง

ตามสไตล์ของ Leica นั้นจะเป็นกล้องที่มีปุ่มใช้งานน้อย เรียบง่ายดูเหมาะสมไม่รก แต่!! ด้วยเจ้า Leica M240 ตัวนี้ทาง Leica เพิ่มปุ่มมาให้จากรุ่นก่อนหน้า เพื่อการใช้งานของ user ปัจจุบันให้ใช้งานได้สะดวกตามสมัยนิยม ครบฟังชั่นหลักๆในการใช้งาน และยังคงความสวยงามและเรียบง่ายอยู่


ประสบการณ์การใช้งานจริง


โดยส่วนตัวผู้เขียนนั้นได้ใช้กล้อง DSLR และ Mirrorless ตามท้องตลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทำให้มีความคุ้นชินกับการใช้ Auto Focus มาตลอด


Manual focus ยากไหม ??

แอดโบกตอบได้เลยว่าเคยใช้ lens ที่เป็น manual focus บนกล้อง DSLR หรือ Mirrorless มาก่อนแล้วเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นตอบได้เลยว่ายากมาก ไม่สะดวกสุดๆถ่ายงานไม่ได้เลย ช้ามากๆ เลยค่อนข้างมีอคติกับการ Manual Focus


แต่!! Manual focus ของกล้อง range finder นั้นแตกต่างกันออกไปจากกล้อง DSLR ซึ่งเป็นการหมุนเลนส์จนภาพซ้อนกันพอดีที่กล่าวไว้เรื่องโฟกัสด้านบน ซึ่งมันง่ายอย่างไม่น่าเชื่อเลยอะคุ๊นนน!!

(ได้อารมณ์เหมือนเล่นเกมนิดๆด้วยนะ) very good !!

เมื่อใช้ไปได้วันหรือสองวันถ่ายรูปไปสัก 100 รูป รับรองว่าใช้งานได้คล่องปรื๋อเลยละคุ๊นนน!!


ไฟล์ Leica ดีไหม ที่เค้าว่าจบหลังกล้องได้เลยจริงอ๊ะเปล่า ??

เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า โทนสีของภาพจากกล้องไลก้านั้นสวยสะดุดตา ไม่เหมือนกล้องทั่วๆไปในตลาด มีความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มากๆ

ส่วนเรื่องจบหลังกล้องนั้น อยู่ที่ผู้ใช้ครับว่ามีสกิลวัดแสงแม่นขนาดไหน ถ้าวัดแสงเก่งๆก็จบหลังกล้องไฟล jpeg ได้สบายๆ เพราะโทนสีของเลนส์ leica กับกล้องนั้นสวยอยู่แล้ว!!

(คนที่ใช้ Leica โดยส่วนใหญ่นั้น จะไม่ค่อยตกแต่งภาพหรือโทนภาพอยู่แล้ว เพราะจะทำให้ความเป็น Leica นั้นหายไป)

แต่ถ้าถ่ายมาแสงไม่พอดี มืดไปหรือสว่างไป สามารถมาปรับโดยใช้ RAW file ของ leica (.dng) ปรับแต่งมืดสว่างได้สบายๆ เฉกเช่นกล้อง Fullframe ทั่วไป เจ๋งปะละ!!


มาถึงเรื่องฟิลลิ่งและการจับถือ

แอดโบกบอกได้คำเดียวเลยว่า very good คลาสสิคสุดๆทั้งการปรับค่า F ที่หมุนเอาที่เลนส์เหมือนกล้องฟิล์มสมัยก่อน เสียงชัตเตอร์ที่นุ่มนวลและเบาแต่แข็งแรง การมองช่องมองภาพแบบด้านข้างไม่ผ่านเลนส์ และหน้าตาของกล้องอันหล่อเหลา ให้ความรูปสึกเหมือนใช้กล้องฟิล์มเฉกเช่น Leica M6 อย่างไม่ผิดพี้ยน (ขาดแค่ก้านขึ้นฟิล์ม)

การจับถือนั้นได้อารมณ์ของ Leica M6,M7 มาเต็มๆ ติดแค่นำหนักของกล้องเท่านั้น ที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากถ้าเทียบกับ M6 ทำให้การจับถือมือเดียวไม่ถนัดเท่าไหร่

แต่ถ้าได้ใช้กับ Thumb up นั้นจะลบข้อเสียนี้ได้เลย จะถนัดมือขึ้นมากๆ ถือมือเดียวเอาอยุ่



สรุปข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดี

1.รูปทรงหล่อเหลา เรียบหรูดูแพง (ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ)

2.Fullframe ขนาดเล็กเลนส์ก็เล็กไม่หนักเหมือน Fullframe ในตลาดทั่วไปที่กล้องหนักแล้ว

เลนส์หนักกว่า!!

3.ไฟล์ jpeg สวยมาก วัดแสงดีๆ จบหลังกล้องได้เลย

4.เลนส์คุณภาพจากค่าย Leica ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้ได้โทนภาพที่สวยไม่เหมือนใคร

และไม่มีใครเลียนแบบได้


ข้อเสีย

1.ราคาสูงพอสมควร เหมาะสำหรับช่างภาพที่มีงบประมาณสูงมาก

2.น้ำหนักของกล้องที่มากกว่ากล้อง Mirrorless ตามท้องตลาดทั่วไป

3.ไม่มี auto focus (แต่สำหรับแอดโบกมองว่าเป็นเสน่ย์ซึ่งเป็นข้อดีของแอดด้วยซ้ำ...แต่ก็นะ)

4.การถ่ายภาพต่อเนื่องที่ถ่ายได้ช้ากว่ากล้อง Mirrorless ทั่วไปมาก….

(แต่จะเร็วไปทำไมละ มันไม่ได้ auto focus น่ะ หมุนไม่ทัน!!)


Leica M240 นี้เป็นตัวที่แอดโบกอยากแนะนำให้คนที่ตัดสินใจอยากได้กล้อง Leica มาครอบครองสักครั้งในชีวิตได้ลองซื้อมาใช้งานดูครับ เนื่องจากปัจจุบันที่ Leica M10 ออกมาทำให้ราคา M240 ที่อยู่ในตลาดไม่แพงเกินเอื้อม(สำหรับช่างภาพมืออาชีพ)

ซึ่งถ้าใช้แล้วหลงรัก Leica ไปแล้วละก็ จะไปต่อในรุ่นถัด(M10)ไปก็ยังสามารถขายเพื่อต่อยอดได้โดยไม่เจ็บตัวมากนักเพราะราคาจะไม่ค่อยตกเหมือนกล้องทั่วๆไปในตลาดเท่าไหร่ (มีตลาดรองรับเพียบ!!)


ต่อไปรูปปลากรอบ จากกล้อง M240

หลังกล้องแนวเท่ๆ ก็ประมาณเน้!!


อันนี้ดูหวานๆขึ้นหน่อย


ต่อไปจะเป็นรูปที่ผ่านการตกแต่ง ตามคอนเซปที่ต้องการปรับโทนตาม คอนเซปนั้นๆ







จบรีวิว

พบกันใหม่

โบกนิด...สบัดหน่อย

 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


Travel_ICON
Eating_ICON
Camera_ICON
photography_Icon
GAMING_ICON

โบกนิด..สบัดหน่อย

50549072_294175234621593_506049563540953

A BLOG BY Bognid_Sabudnoi 

Social wiz in the media biz 

WEEKLY NEWSLETTER 

bottom of page